พายุฝนถล่มเม็กซิโก น้ำท่วมและดินถล่มคร่าชีวิตอย่างน้อย 41 คน ทำลายบ้านเรือนและถนนหนทาง

เนื้อหาข่าว

ฝนตกหนักในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเม็กซิโกในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 ได้ก่อให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มครั้งใหญ่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 คน และมีผู้สูญหายอีกหลายราย รวมถึงบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล

หน่วยงานป้องกันภัยพิบัติของเม็กซิโกรายงานเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมว่า มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้นอย่างน้อย 28 คน แต่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 37 คน และต่อมาเป็น 41 คน ในขณะที่การช่วยเหลือยังดำเนินการอยู่

พื้นที่ได้รับผลกระทบ

พายุฝนส่งผลกระทบต่อ 31 จาก 32 รัฐ ของเม็กซิโก โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดคือ:

รัฐอีดัลโก (Hidalgo)

• มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 คน
• บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 1,000 หลัง
• ชุมชน 90 แห่ง ไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับทีมกู้ภัย
• แม่น้ำล้นตลิ่งหลายสาย ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน

รัฐปวยบลา (Puebla)

• มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน
• ผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 80,000 คน
• บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายจำนวนมาก

รัฐเวราครุซ (Veracruz)

• พื้นที่ชายฝั่งตะวันออกได้รับผลกระทบอย่างหนัก
• แม่น้ำหลายสายล้นตลิ่ง ทำลายถนนและสะพาน

รัฐเกเรตาโร (Queretaro) และซานหลุยส์โปโตซี (San Luis Potosi)

• มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
• โครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย

ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน

ระบบไฟฟ้า

• ไฟฟ้าดับส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 320,000 ราย
• หลายพื้นที่ยังไม่สามารถฟื้นฟูไฟฟ้าได้เนื่องจากน้ำท่วมขัง

ถนนหนทาง

• ถนนได้รับความเสียหายเกือบ 1,000 กิโลเมตร ใน 6 รัฐ
• ถนนหลายสายยุบตัวหรือถูกดินถล่มปิดกั้น
• สะพานหลายแห่งพังทลายหรือไม่สามารถใช้งานได้

โรงพยาบาลและสถานพยาบาล

• โรงพยาบาลหลายแห่งได้รับความเสียหายและต้องอพยพผู้ป่วย
• การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ประสบภัยเป็นไปได้ยาก

สาเหตุของภัยพิบัติ

ฝนตกหนักครั้งนี้เกิดจากหลายปัจจัย:

1. พายุโซนร้อน: มีพายุโซนร้อนหลายลูกเคลื่อนผ่านอ่าวเม็กซิโกและแปซิฟิก
2. ความชื้นจากมหาสมุทร: กระแสความชื้นจากทั้งสองมหาสมุทรเข้ามาปกคลุมเม็กซิโก
3. ภูมิประเทศ: พื้นที่ภูเขาและที่ลาดชันทำให้เกิดดินถล่มง่าย

นักอุตุนิยมวิทยาเม็กซิโกระบุว่า ปริมาณน้ำฝนในบางพื้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายเดือนในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง

การช่วยเหลือและการฟื้นฟู

รัฐบาลเม็กซิโกได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ประสบภัย โดย:

• ส่งทหารและหน่วยกู้ภัยเข้าช่วยเหลือ
• จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ประสบภัย
• แจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และเวชภัณฑ์
• เร่งซ่อมแซมถนนหนทางเพื่อเปิดเส้นทางการช่วยเหลือ

ประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บาวม์ (Claudia Sheinbaum) เดินทางไปเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยและสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชน

บทวิเคราะห์เพิ่มเติม

ภัยพิบัติครั้งนี้เป็นการเตือนใจถึงความเปราะบางของเม็กซิโกต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำท่วมและดินถล่มในฤดูฝน ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายนของทุกปี

ปัจจัยที่ทำให้ความเสียหายรุนแรงขึ้นรวมถึง:

1. การตัดไม้ทำลายป่า: ทำให้ดินมีความสามารถในการดูดซับน้ำลดลง
2. การขยายตัวของเมือง: การสร้างบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัย
3. โครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนแอ: ระบบระบายน้ำไม่เพียงพอ
4. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ทำให้พายุรุนแรงขึ้นและฝนตกหนักขึ้น

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น เม็กซิโกจำเป็นต้องลงทุนในระบบเตือนภัยล่วงหน้า โครงสร้างพื้นฐานที่ทนทานต่อภัยพิบัติ และแผนการอพยพประชาชนที่มีประสิทธิภาพ

ความท้าทายที่สำคัญคือการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ห่างไกลและเข้าถึงยาก รัฐบาลประมาณการว่าจะใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะสามารถซ่อมแซมถนนและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญได้

สำหรับครอบครัวที่สูญเสียบ้านเรือน รัฐบาลสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือในการสร้างบ้านใหม่ แต่กระบวนการนี้อาจใช้เวลานานและต้องการงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นความท้าทายสำหรับประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว